บริษัท ทาพาโก้ จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”)
ได้จดทะเบียนก่อตั้งเป็นบริษัทจำกัด เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2543
ด้วยทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบธุรกิจผลิต
ประกอบและจัดจำหน่ายชิ้นส่วนพลาสติก วิศวกรรม (Engineering
Plastic Parts)
เพื่อใช้เป็นส่วนประกอบชิ้นส่วนพลาสติกของเครื่องใช้ไฟฟ้า
อุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องเสียงรถยนต์
โดยบริษัทฯจัดจำหน่ายสินค้าที่ผลิตได้ให้แก่ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า
อุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์
และผู้ผลิตเครื่องเสียงรถยนต์ซึ่งมีฐานการผลิตอยู่ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ
ทั้งนี้
บริษัทฯได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
(BOI)
การเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการที่สำคัญของบริษัทฯ
- บริษัทฯได้รับการจดทะเบียนก่อตั้งขึ้นในรูปของบริษัทจำกัด
เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2543 ในชื่อบริษัท
ทาพาโก้ จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 20
ล้านบาท
- บริษัทฯได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
ตาม บัตรส่งเสริมการลงทุนเลขที่ 1398/2543
เมื่อวันที่ 20 กรกฏาคม 2543
- ในปีแรกของการดำเนินกิจการ
รายได้จากการขายส่วนใหญ่ของบริษัทฯมาจากผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนพลาสติกวิศวกรรมสำหรับเครื่องโทรสารซึ่งบริษัทฯจำหน่ายให้แก่บริษัท
ชาร์ป (ประเทศไทย) จำกัด, Sharp (Malaysia)
และ PNI
- บริษัทฯเริ่มมีรายได้จากการจำหน่ายชิ้นส่วนสำหรับวิทยุภายในรถยนต์เป็นครั้งแรกให้แก่
YANO
- บริษัทฯเริ่มมีรายได้จากการจำหน่ายชิ้นส่วนพลาสติกวิศวกรรมสำหรับเครื่องพิมพ์ให้แก่
Mitsubishi (Singapore)
- บริษัทฯซื้อที่ดิน
8
ไร่ในนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทองเพื่อใช้เป็นสถานที่ก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่
- บริษัทฯจดทะเบียนแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด
เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2545
และเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 60 ล้านบาท
แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 12 ล้านหุ้น
มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท
ซึ่งในปัจจุบันได้เรียกชำระเต็มมูลค่าแล้วทั้งจำนวน
- บริษัทฯได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
ตามบัตรส่งเสริมการลงทุนเลขที่ 1670
(1) /2545 เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2545
- บริษัทฯได้ก่อตั้งบริษัทย่อยชื่อบริษัท
ทาพาโก้ โมลด์ จำกัด (“TAPM”)
ขึ้นเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2545
เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตแม่พิมพ์สำหรับฉีดขึ้นรูปพลาสติก
(Mold Die) โดยในปัจจุบัน
บริษัทฯถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 94.80
ของทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วชอง
TAPM
- บริษัทฯได้รับการรับรองคุณภาพตามมาตรฐานสากล
ISO 9001:2000 ในเดือนธันวาคม 2545
- บริษัท
เจแปน เอเชีย อินเวสเมนท์ จำกัด
(“JAIC”)
ซึ่งเป็นกองทุนที่จะเข้าไปลงทุนในบริษัทขนาดเล็กและขนาดกลางซึ่งมีศักยภาพในการเจริญเติบโตทางธุรกิจ
เข้ามาลงทุนและถือหุ้นในบริษัทฯ
- TAPM
เริ่มมีรายได้ เมื่อวันที่ 28
กุมภาพันธ์ 2546
- TAPM
ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
ตามบัตรส่งเสริมการลงทุนเลขที่
1219(2) /2546 เมื่อวันที่ 5
มีนาคม 2546
- บริษัทฯเริ่มก่อสร้างโรงงานใหม่ในเดือนกันยายน
2546
- บริษัทฯได้รับการรับรองคุณภาพตามมาตรฐานสากล
ISO 14001 ในเดือนมกราคม 2547
- บริษัทฯก่อสร้างโรงงานใหม่แล้วเสร็จในเดือนมีนาคม
2547
และเริ่มมีการทยอยติดตั้งเครื่องจักรทั้งเครื่องจักรเก่าที่ย้ายมาจากโรงงานเดิม
และเครื่องจักรใหม่ที่ซื้อมาเพิ่ม
จนกระทั่งการติดตั้งเครื่องจักรเสร็จสิ้นสมบูรณ์ในเดือนกันยายน
ในส่วนของโรงงานเก่า
บริษัทฯได้ให้ TAPM
เช่าช่วงต่อเพื่อใช้เป็นพื้นที่ในการดำเนินการผลิตแม่พิมพ์สำหรับฉีดขึ้นรูปพลาสติกของ
TAPM
- บริษัทฯได้เพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิม
60 ล้านบาท เป็น 92 ล้านบาท
โดยการ
- เพิ่มทุนจดทะเบียนโดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนทั้งสิ้น
4,000,000 หุ้น
มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5
บาท
เป็นจำนวนเงินรวมกันทั้งสิ้น
20 ล้านบาท
เพื่อเสนอขายต่อประชาชนทั่วไป
และนำบริษัทฯเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ใหม่
- จ่ายหุ้นปันผลจำนวน
2,400,000 หุ้น
มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5
บาท
เป็นจำนวนเงินรวมกันทั้งสิ้น
12 ล้านบาท
ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตรา
5 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่
- บริษัทได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ใหม่
(MAI) เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม
2547
- เพิ่มกำลังการผลิตจาก
600 ตันต่อปี เป็น 800
ตันต่อปี
- ได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้ารายใหม่
เช่น Canon, Metco
เป็นต้น
- เพิ่มทุนจดทะเบียนบริษัทย่อย
TAPM จาก 25 ล้านบาทเป็น
45 ล้านบาท
เพื่อรองรับคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น
- เพิ่มกำลังการผลิตจาก
800 ตันต่อปี เป็น
1,000 ตันต่อปี
- บริษัทย่อย
TAPM
ได้ซื้อที่ดินและอาคารเป็นกรรมสิทธิของบริษัท
และย้ายเข้าใช้ที่ดินและอาคารดังกล่าว
อันทำให้บริษัทและบริษัทย่อยยกเลิกสัญญาเช่าที่ดินและอาคารเดิมที่มีอยู่ทั้งหมด
- บริษัทฯ
ได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มมากขึ้นในส่วนของชิ้นส่วนเครื่องพิมพ์จากลูกค้า
Canon, Oki, Metco
- บริษัทย่อยได้มีการลงทุนในเครื่องจักรเพิ่มเติมเพื่อการผลิตเฟืองความละเอียดสูง
เพื่อให้สามารถเพิ่มยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นได้
มูลค่า 9.46
ล้านบาท
- บริษัทฯ
ได้รับการส่งเสริมการลงทุนเพิ่มเติม
(บัตรที่ 3)
สำหรับกำลังการผลิตเพิ่มเติมอีก
1,100 ตันต่อปี
- บริษัทย่อยได้รับการส่งเสริมการลงทุนเพิ่มเติม
(บัตรที่ 2)
สำหรับกำลังการผลิตแม่พิมพ์เพิ่มเติมอีก
280 ชุดต่อปี